วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2554
127 ชั่วโมง รอดเพราะสติ
127 HOURS คือ เรื่องจริงของนักปีนเขาที่ชื่อ อารอน รัลสตัน (เจมส์ แฟรนโก) การผจญภัยสุดอัศจรรย์ เพื่อรักษาชีวิตของเขาหลังจากหินหล่นลงมาใส่แขน และทำให้เขาต้องติดอยู่อย่างโดดเดี่ยวในร่องหุบเขาที่ยูท่าห์ ตลอดช่วงการเดินทางของเขา รัลสตันหวนนึกถึงเพื่อนๆ, คนรัก (เคลเมนซ์ โพซี่), ครอบครัวและนักปีนเขาอีกสองคน (แอมเบอร์ แทมบลิน และ เคต มาร่า) ที่เขาพบก่อนประสบอุบัติเหตุ
เวลาผ่านไป 5 วัน รัลสตันต้องต่อสู้กับสิ่งแวดล้อมและสิ่งไม่ดีในตัวเขา จนค้นพบในตอนท้ายว่าเขามีความกล้าหาญ และวิถีทางที่ทำให้เขาหลุดพ้นออกมาได้ด้วยวิธีการที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การหล่นลงมาจากหน้าผาความสูง 65 ฟุต และปีนเขาด้วยระยะที่มากกว่า 8 ไมล์ ก่อนที่เขาจะได้รับความช่วยเหลือในตอนท้าย
ภาพยนตร์เป็นการบอกเล่าโครงสร้าง การเล่าเรื่องที่เป็นเอกลักษณ์ ภาพยนตร์เรื่อง 127 HOURS มีเนื้อหาเกี่ยวกับสัญชาตญาณและความตื่นเต้น ที่จะนำผู้ชมเข้าสู่ประสบการณ์การเดินทางที่ไม่เคยพบมาก่อน และพิสูจน์ให้เห็นถึงสิ่งที่เราทำได้เมื่อเราต้องเลือกชีวิตเราเอาไว้
ข้างต้นคือการบอกเล่าเรื่องราวคร่าว ๆ ของหนัง 127 Hours ซึ่งการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านแผ่นฟิล์ม ต้องบอกว่าทำได้ดีเยี่ยม จนรู้สึกได้เลยว่าเราติดอยู่ในภวังค์เดียวกับ อารอน รัลสตัน ที่ติดอยู่ในซอกหลืบของหินใน แคนยอนแลนด์ ที่มองไปทางไหนก็พบเจอแต่ความเวิ้งว้าง ว่างเปล่าของหินผา และท้องทะเลทราย
ในการแสดงของ เจมส์ แฟรนโก ต้องพูดได้ว่ายอดเยี่ยม เขาใส่ใจรายในรายละเอียดของการเป็นตัว อารอน ได้อย่างไม่มีที่ติ การปูเรื่องราวไม่สลับซับซ้อน ดูเป็นธรรมชาติน่าติดตาม และเอาใจช่วย รวมไปถึงการถ่ายภาพที่สะท้อนให้เห็นมุมมองของการผจญภัยได้อย่างยอดเยี่ยม
นับเป็นความฉลาดของผู้กำกับที่แทรกมุกไว้ในบางช่วงบางตอน ให้คนดูไม่เครียดตามตัวละครมากจนเกินไป และทำให้คนดูได้รู้ว่าการติดอยู่ในซอกเล็ก ๆ โดยขยับไปไหนไม่ได้นั้น สติ คือสิ่งสำคัญ เพราะเมื่อสติหลุดแล้ว การทำอะไรแปลก ๆ ก็จะตามมาในที่สุด ซึ่งในเรื่องนี้ ก็ทำให้เราได้เห็น และรับรู้ถึงการกระทำแบบนั้นในตัวของ อารอน ที่สะท้อนออกมาให้เราได้ชมเช่นกัน
และเป็นอีกเสียงสะท้อนให้เราเห็นว่า ไม่ว่าคุณจะเก่ง มีความรู้ระดับปริญญา หรือได้ประกาศณียบัตรมามากมายขนาดไหน หากสติคุณไม่อยู่กับร่องกับรอย การเอาตัวให้รอดจากเรื่องเลวร้ายทั้งหลายก็คงไม่สามารถทำได้
ส่วนอีกเรื่องที่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นความฉลาดของผู้กำกับ แดนนี่ บอยล์ (ผู้กำกับ สลัมด๊อก มิลเลียนแนร์) นั่นก็คือ ประเด็นการนำเสนอของเรื่อง ที่เป็นเหมือนคำถามที่ค้างคา ให้เราค้นหาคำตอบ ถึงแม้ว่าเราจะรู้ในบทสรุปของเรื่องราวแล้วก็ตาม แต่ด้วยกลวิธีนำเสนอที่ดูเหมือนจริง ก็ทำให้คนดูอยากที่จะเอาใจช่วย และอยากรู้ถึงการเอาชีวิตรอดจากการติดแหง็กกับซอกหินเพียงลำพัง…การต่อสู้ กับจิตล้าในใต้สำนึกของคน 1 คน…ภาพหลอน…จิตป่วน…สารพัด…เขาผ่านมาได้อย่างไร น่าสนใจยิ่ง และน่าติดตามไปจนจบเรื่อง
127hrs. ช่วงเวลาของการติดแหง็กโดยมีหินตรึงติดเราอยู่กับที่ สติเท่านั้นที่พาให้เค้ารอดพ้นจนมาบอกเล่าเรื่องราวให้เราได้เห็น และกลายเป็นประสบการณ์ที่ อารอน คงไม่กล้าลืมไปอีกนาน
ภาพยนตร์ที่เป็นตัวอย่างในการคิดอย่างมีสติ ตรึกตรอง แบบสมเหตุสมผล ซึ่งหากนำไปใช้ในชีวิตก็คงทำให้ชีวิตไม่วุ่นวาย และมีความสุขกับการใช้ชีวิตได้อย่างสบาย ให้ไปเลย 9 เต็ม 10
โดย ซายากะ โฮมส์-ดอยล์
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น